Fnatic CS:GO ขึ้นแท่นสุดยอดทีมแห่งปี 2015

แชร์ข่าว
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter

Fragbite.se เผยทีมที่ชนะรางวัล สุดยอดทีมแห่งปี 2015 ใน Fragbite CS:GO Awards

 

รายชื่อผู้เล่น Fnatic ปี 2015

Robin “flusha” Rönnquist
Jesper “JW” Wecksell
Olof “olofmeister” Kajbjer
Freddy “krimz” Johansson
Markus “pronax” Wallsten (ถึง 2015-11-12)
Dennis “dennis” Edman (จาก 2015-11-12)

Jonatan “Devilwalk” Lundberg (โค้ชถึง 2015-06-05)
Viktor “vuggo” Jendeby (โค้ชจาก 2015-06-05)

 

Fnatic 2015 แบบสบายๆ

 

จากชัยชนะหมดลงไปในปี 2014 นอกเหนือความน่าปอับอายที่เกิดขึ้นที่การแข่งขัน DeamHack Winter ก็คงจะสรุปได้อย่างง่ายดายว่า ทีมรวมดาราจากสวีเดนอย่าง Fnatic ก็น่าจะยังคงโชว์ผลงานสุดแย่แบบนั้นในปี 2015 เพราะแค่เริ่มต้นปี 2015 มา Fnatic ก็ต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย แต่ถึงพวกเขาได้อันดับที่ 4 ในการแข่งขัน MLG X Games Aspen แต่ก็ยังเป็นการเริ่มต้นของปีที่ออกจะน่าผิดหวังที่ต้องมาเดินบนถนนแห่งความพ่ายแพ้ตั้งแน่เนิ่นๆ เพราะทีมอย่าง NiP Gaming และ Team Dignitas แบบนี้

 

หลังจากพ่ายแพ้ไปอย่างดราม่าใน Aspen พวกเขาก็ไม่ยอมเสียเวลาเปล่า เดินทางไปแข่งที่เดนเวอร์ เอาชนะในรายการแข่ง ClutchCon มาได้ และนั่นคือสิ่งจำเป็นที่จะทำให้พวกเขากลับมาอยู่กับร่องกับรอยอีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเขายังชนะการแข่งขันเพิ่มเติมอีก 5 รายการ ในควอเตอร์แรกของปี 2015 รวมไปถึงเมเจอร์แรกของ Valve ของปี 2015 และ ESL One Katowice อย่างที่กล่าวไปว่า พวกเขานั้นอยู่ในสายที่แข็งพอสมควรในรอบแบ่งกลุ่มแต่พวกเขาก็เอาชนะมาได้อย่างดุเดือด และเอาชนะทีมแกร่งบ้านเดียวกันอย่างหมีขาว Virtus.pro ในรอบเซมิไฟนอล และสุดท้ายคือเอาชนะ NiP Gaming ในรอบแกรนด์ไฟนอลได้อย่างน่าตื่นเต้น ซึ่งผู้เล่นหลักของทีมในตอนนั้นประกอบไปด้วย Markus “pronax” Wallsten, Jesper “JW” Wecksell และ Robin “flusha” Rönnquist และพวกเขายังเป็นตำนานเนื่องจากเป็นผู้เล่นชุดแรกที่ได้แชมป์เมเจอร์ถึง 2 สมัยอีกด้วย

 

Fnatic คว้าถ้วยรางวัลที่ ESL One Katowice

 

หลังจากชัยชนะในศึกเมเจอร์ไม่นาน สายลมแห่งชัยชนะของพวกเขาก็พัดผ่านไปอีกแล้ว พวกเขาจบเป็นอันดับที่ 2 ในหลายรายการการแข่งขัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็น ESEA ซีซั่น 18 รอบไฟนอล แชมป์จึงตกเป็นของ Virtus.pro ไป รวมไปถึงการแข่งขันรายการ PGL ในคิกออฟซีซั่นที่พ่ายให้กับ TSM ไปอย่างดราม่า ดูเหมือนผู้เล่นชาวเดนมาร์กเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นจุดอ่อนของพวกขาไปซะอย่างงั้น และการแข่งขันรายการ Faceit ซีซัน 1 รอบไฟนอล และ Fragbite Masters ซีซัน 4 รอบแกรนด์ไฟนอล ถึงแม้จะเป็นช่วงขาขึ้นของ TSM ดูเหมือน Fnatic ก็กลับมาทรงตัวได้อีกครั้งด้วยการเป็นแชมป์รายการใหญ่ 2 รายการ อย่าง DeamHack Summer และ ESL ESEA Pro League ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว

 

แต่ชัยชนะทั้ง 2 ดูเหมือนจะไม่เพียงพอที่จะให้ Fnatic เดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่องเพราะพวกเขาต้องมาประสบกับความพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวง ที่นำไปสู่การแข่งขันเมเจอร์ที่ 2 แห่งปี ซึ่งรวมไปถึงการแพ้ให้กับทีม Cloud9 ในการแข่งขัน Faceit League สเตจ 2 รอบเซมิไฟนอล และในการแข่งขัน Game Show CS:GO ก็เป็นอีกครั้งที่ Fnatic พ่ายแพ้ให้กับ TSM พวกเขาทำได้แค่คว้าเหรียญเงินไปเท่านั้น ในขณะที่ Fnatic ต้องเผชิญกับข้อกังขามากมายแต่พวกเขาก็ยังเป็นเป็นตัวเต็งในทุกทัวร์นาเมนต์ที่ลงแข่งอยู่ดี

 

เมื่อ ESL One Cologne เมเจอร์ที่ 2 ของ Valve จัดขึ้น ผลการแข่งขันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของ Fnatic ก็ยังไม่สามารถทำให้แฟนๆกลับมาเชื่อใจ Fnatic อีกครั้งเหมือนดั่งทีมตัวเต็งทีมอื่นๆ เช่น คู่ปรับของ Fnatic อย่าง TSM และทีมที่เพิ่งรวมตัวกันใหม่อย่าง EnVyUs ในตอนสุดท้าย Fnatic ชนะในรอบแบ่งกลุ่ม และเอาชนะ Luminosity ไปได้ในรอบควอเตอร์ไฟนอล และต่อด้วยการเอาชนะ Virtus.pro ในรอบเซมิไฟนอล และสุดท้ายคือชัยชนะเหนือ EnVyUs ด้วยแต้ม 2-0 ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์เมเจอร์ที่ 2 ของปี และก็เป็นอีกครั้งที่ Fnatic สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการเป็นทีมแรกที่ชนะสองเมเจอร์ติดต่อกัน

 

อีกครั้งกับ Fnatic ที่คว้าถ้วยรางวัลใน ESL One Cologne

 

หลังจากชัยชนะที่เมืองโคโลญ ก็ตามมาด้วยการเป็นแชมป์รายการย่อยอีกหลายรายการ แต่พอมาถึงทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่จัดขึ้นที่ดูไบ ก็เป็นอีกครั้งที่ Fnatic ต้องสั่นคลอน พวกเขาพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ชนะที่แท้จริงอย่าง Virtus.pro และ 2 สัปดาห์หลังจากนั้น Fnatic ก็คว้าแค่เหรียญเงินในรายการ  Gfinity Champion of Champions ทีมที่เข้าร่วมกล่าวว่า ทัวร์นาเมนต์นี้มีแชมป์ตัวเต็งในประวัติศาสตร์ CS:GO และยังเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้เล่น 5 คนจะขึ้นมายืนบนเวทีแกรนด์ไฟนอลอีกด้วย

 

จากที่กล่าวไปข้างต้น ก็นำไปสู้การแข่งขันเมเจอร์ที่ 3 และ ไฟนอลเมเจอร์ ของปีใน DreamHack Cluj-Napoca Fnatic ก็ต้องเจอกับอุปสรรคและจบเป็นที่ 2 ในรอบแบ่งกลุ่มพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งจากบราซิลอย่าง Luminosity ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องมาเจอกับ EnVyUS ในรอบควอเตอร์ไฟนอล พวกเขาถูกเด็กใหม่ถล่มยับในแมพสุดท้ายไปด้วยสกอร์ 16-2

 

ฟอร์มการแข่งของ Fnatic นั้นเอื่อยเฉื่อยมานาน เห็นที่จะต้องทำอะไรเสียที่ ในที่สุด Markus “pronax” Wallsten จึงได้ลาออกจากทีมไปหลังจากลงแข่งให้ Fnatic มา 2 ปีเต็ม ผู้ที่มาแทนที่เขาก็คือ Dennis “dennis” Edman ที่ขึ้นมาสู่ความสำเร็จพร้อมกับทีม Kinguin หรือ G2 eSports ในช่วงซัมเมอร์

 

‘dennis’
‘pronax’

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากเสียผู้นำอย่าง pronax ไป แฟนๆก็ต่างเป็นห่วงว่าผุ้เล่นใหม่ที่มาแทนที่นั้นจะทำได้ดีในเวทีระดับโลกรึเปล่า แต่ Robin “flusha” Rönnquist ก็ทำหน้าที่ได้วางแผนได้อย่างดี ด้วยกันกับโค้ชของพวกเขา  Viktor “vuggo” Jendeby จากผลงานที่ได้เห็นกันไป จึงถือได้เรื่องนี้ว่าจบได้อย่างสวยงาม

 

ในรายการแข่งขัน Faceit ลีก สเตจ 3 รอบไฟนอลของ DreamHack Winter เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในการแข่งแบบออฟไลน์ของทั้ง 5 คน รวมไปถึงยังเป็นถ้วยรางวัลแรกที่พวกเขาได้รับอีกด้วย หลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาก็ยังโชว์ให้เห็นว่าชัยชนะที่ Jönköping ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะพวกเขาได้คว้าแชมป์ Fragbite Masters ซีซั่น 5 ไปครอง แต่นี่ยังไม่พอที่จะลบข้อกังขาที่มีต่อทีม Fnatic พวกเขาจึงเดินทางไปยังกรุงลอสแองเจลิส และสอยแชมป์ซีซั่นที่ 2 ใน ESL ESEA Pro League ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับโลกรายการสุดท้ายของปี การเป็นแชมป์เมเจอร์ใหญ่ 3 รายการ บวกกับดราม่าและการเปลี่ยนแปลงในทีม จึงบอกได้คำเดียวว่าการดึง ‘dennis’ เข้ามาร่วมทีมนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยทำมา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Fragbite.se

 

 

 

ดูถ่ายทอดสดการแข่งขันของ Fnatic CS:GO และราคาต่อรองคลิกที่นี่