ขณะที่อีสปอร์ตค่อยกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง อาชีพนักแข่งเกม ที่เปรียบเสมือนรากฐานสำคัญของวงการนี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในแง่ของการสร้างชื่อเสียงและรายได้ จนอาจกล่าวได้ว่า สำหรับเด็กรุ่นใหม่ อาชีพนี้แทบไม่ต่างจาก “งานในฝัน” แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อลองถามข้อเท็จจริงจากปากผู้เล่นระดับท็อปในวงการกีฬาดิจิทัล สิ่งที่ถูกนำเสนอกลับสวนทางกับอุดมคติของหลายคน เพราะเรื่องราวที่เราได้รับทราบคือ อาชีพนักกีฬาอีสปอร์ตไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด
Lucas “Santorin” Tao Kilmer Larsen ผู้เล่น League of Legends ชาวเดนมาร์กของ FlyQuest ใน LCS ที่เริ่มเล่นอีสปอร์ตที่เริ่มเดินบนเส้นทางนี้ตั้งแต่อายุ 16 จนตอนนี้มีอายุย่างเข้า 22 เล่าว่า “แน่นอนการแข่งเกมยังเป็นงานในฝันของผมอยู่ ถึงแม้ช่วงหลังๆ ความสนุกของมันจะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนมันเหมือนจะเป็นงานประจำมากกว่า”
“ผมใช้เวลาซ้อมสูงสุด 14 ชม. ต่อวัน และมีเวลาเจอหน้าเพื่อนๆ แค่ปีละ 8 ชม. เท่านั้นเอง”
นอกเหนือจากการแข่งและฝึกซ้อม บางสังกัดตั้งเงื่อนไขในการเป็นนักกีฬาว่าจะต้องทำงานสตรีมสด ในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อสร้างแบรนด์และเพิ่มแฟนคลับให้ทีม ยกตัวอย่างเช่น Team Liquid ที่กำหนดให้แต่ละคนต้องสตรีมอย่างน้อยเดือนละ 30 ชม.
ด้าน Lee “Faker” Sang-hyeok ดาวดังหมายเลข 1 จาก SK Telecom T1 กล่าวในทำนองเดียวกันว่า การเป็นผู้เล่นอาชีพมีค่าใช้จ่ายที่ต้องแลก
“ถ้าคุณอยากจะเป็นโปร เพียงเพราะชอบเล่นเกม ผมอยากให้คิดใหม่ คุณจะต้องตื่นมาซ้อม เสร็จแล้วก็กินข้าว แล้วก็พักผ่อน จากนั้นก็ซ้อมต่อไม่ต่ำกว่า 4-5 ชม. ต่อวัน หรือมากกว่านั้น ชีวิตของคุณจะมีกิจวัตรวนเวียนอยู่แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น”
“ผมอยากมีประสบการณ์เหมือนคนวัยเดียวกัน แต่สุดท้ายผมก็ไม่มีโอกาสที่จะไปทำอะไรแบบนั้น ผมเสียดายจริงๆ และเส้นทางนี้คนที่จะประสบความสําเร็จก็มีน้อยมากๆ” พระเจ้ากล่าวทิ้งท้าย
