หากเราจะเอ่ยถึงเกมแนว FPS ในตำนานที่โด่งดังมากที่สุด ถ้าไม่นับ DOOM ที่เป็นพ่อใหญ่ในวงการ FPS ชื่ออันดับรองลงมาที่เกมเมอร์บ้านเรานั้นรู้จักกันเป็นอย่างดีเลยก็คือ Counter-Strike ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตั้งแต่มีการเปิดตัวเกมออกมา ผ่านเวลาล่วงเลยมานานแล้วแต่ความนิยมก็ยังไม่ได้ลดลงไปสักเท่าไร แถมยังจัดให้อยู่ในหมวดของเกมที่มีการจัด Tournament ในระดับ E-Sport อยู่บ่อยครั้งด้วย และในช่วงที่ผ่านมานี้ก็ได้มีการประกาศจากทางค่ายว่า Counter-Strike: Global Offensive หรือ CS:GO นั้นจะเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการจากที่ต้องเสียเงินซื้อ เปลี่ยนมาเปิดให้เล่นฟรีแบบหมดทั้งตัวเกมเต็มเลย
พร้อมกันนั้นก็ยังมีการอัพเดทครั้งใหม่ตามกระแส Battle Royale ด้วยโหมดการต่อสู้แบบย่อส่วนลงมา ซึ่งผู้เล่นฟรีจะสามารถจับคู่ดวลกับผู้เล่นอื่นได้ สะสมไอเทมได้ แน่นอนว่าสำหรับใครที่ยังเล็ง ๆ ว่าจะซื้อ CS:GO ไว้เล่นอยู่ต่างก็ออกมาเฮกันถ้วนหน้ากับการเปลี่ยนแผนการตลาดของ Valve ในครั้งนี้ แต่สำหรับผู้เล่นที่ซื้อกันมาคือเสียเงินไปเรียบร้อยแล้วนั้นต่างก็มี Feedback ที่ต่างกันไป ตอนนี้เรามาลองดูประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กัน
ประเด็นแรกเลยนั่นก็คือเรื่องของผลกระทบจากการที่ผู้เล่นเดิมที่ซื้อเกมไป ถึงแม้ว่าจะได้รับสถานะพิเศษที่เป็น Prime ที่สามารถจะจับคู่การแข่งกันชนชั้น Prime ได้เหมือนกัน แต่ก็ยังมีการกังวลว่าจากการเปิดฟรี ก็จะมีเหล่าพวกที่เรียกตัวเองว่า Hacker เข้ามาปั่นป่วน เข้ามาโกงเกม ทำให้ความสนุกในการเล่นและสังคมในเกมเปลี่ยนแปลงไป เพราะขนาดในการแข่งระดับ Tournament ก็ยังมีการโกงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง นับประสาอะไรกับการแข่งใน Match ธรรมดาทั่วไป แถมหลังการอัพเดทก็ยังมีผู้เล่นบางคนที่เจอปัญหาจาก Bugs ในระบบ พร้อมกับการจัดสรรรางวัล Loyalty Rewards ที่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ที่เล่นเกมมาเป็นเวลานาน จนมีช่วงหนึ่งที่ผู้เล่นพากันขอคืนเงินและเข้าไป Bomb เกมในร้านค้าจนเกิดเป็นกระแสมาช่วงหนึ่งแล้วด้วย
แต่ว่าหากเรามาในอีกมุมหนึ่ง การเปิด Free to Play ของ CS:GO ก็ดูเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ด้วยเพราะจะทำให้ยอดจำนวนผู้เล่นของเกมมีสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่สามารถเข้าถึงเกมดี ๆ ได้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาในเรื่องของการทำให้ผู้เล่นที่ซื้อเกมหลังหักกันไปบ้าง แต่ถ้านับว่าการเปิดฟรีจะเป็นการยืดอายุของเกมให้นานขึ้นไปได้อีกพักใหญ่ ก็ดูสมเหตุสมผลกับวิธีการเพิ่มจำนวนผู้เล่นที่เข้ากับรูปแบบการทำการตลาดของเกมในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
