รวมตัวน่าไต่ Rank ใน Season นี้ – ตำแหน่ง Offlane
Omniknight
ในตอนนี้ Omniknight เป็นตัวที่ยืนเลนได้ง่ายที่สุดใน Offlane โดยสกิล Purification ที่ Heal พร้อมทำดาเมจ มี Repel ไว้หนีและ Degen Aura ที่กดดันเลนได้ดีมาก รวมทั้งการที่ Diffusal Blade ไม่มี Purge แล้วทำให้ Omniknight หยุดยากกว่าเดิมในช่วง Teamfight
Talent ในตอนนี้ของ Omniknight ดีกว่าเดิม ในเลเวล 10 หยิบ +90 Gold/Min แน่นอน ส่วนเลเวล 15 ที่ได้ +90 Damage มาไวกว่าของเดิมที่ +120 Damage แต่เป็นเลเวล 20 ถ้าเกมได้เปรียบหยิบ +90 Damage แต่ถ้าเสียเปรียบหรือทีมต้องการตัวยืนคอยฮิลช่วยทีมก็หยิบ +35 XP Gain มาเอาเลเวล
เลเวล 20 หยิบ -12% Degen Aura เพราะ +4 Mana Regen ไม่มีประโยชน์ในช่วงท้ายเกม Talent สุดท้ายมักจะหยิบเป็น +200 Purification Damage/Heal ถ้ามีฝั่งมีตัวหยุดเยอะก็สามารถใช้ +3s Repel Duration ได้
การอัพสกิลของ Omniknight ต้องอัพสกิล Purification เต็มแน่นอน แต่ไม่ควรรีบอัพสกิลในตอนแรกเพราะถ้าโดน Slow หรือดาเมจเวท ให้เอา Repel มาหนีก่อนในเลเวล 1 สกิลต่อมาที่จะอัพเต็มเป็น Degen Aura ค่อยเป็น Repel
Omniknight สามารถเล่นเป็นตัวค้ำทำดาเมจได้โดยออก Eul มาล้าง Debuff ต่างๆและออก Radiance มาทำดาเมจ สายช่วยเพื่อนจะเป็นคทาฟ้า Force Staff Lotus Orb
Underlord
Underlord เป็นตัวที่ Winrate สูงถึง 55% และสูงมาโดยตลอดใน Pub เกม เป็นตัวที่กดดันเลนได้ดีและมีประโยชน์ใน Teamfight โดยสกิลที่เป็น AoE ทั้ง Firestorm และ Pit of Malice มี Dark Rift ที่วาปทั้งทีมไปดันและกันบ้านได้ รวมถึงที่ออกไอเทมที่เน้น Aura ด้วย
Talent ของ Underlord ไม่หวือหวาเท่าตัวอื่นๆ ในเลเวล 10 เป็น +18 Firestorm Wave Damage มาช่วยทำดาเมจและฟาร์มได้ไวขึ้น เลเวลต่อมาเป็น +100 Cast Range เพื่อช่วยให้ร่ายสกิลได้ง่ายขึ้น ใช้กับ Force Staff Lotus Orb ได้ด้วย
ในเลเวล 20 หยิบเป็น +20 Health Regen เสริมความถึก และเลเวล 25 ถ้าเกมดันบ้านลำบากหยิบเป็น 25% Firestorm Building Damage ถ้าเน้น Teamfight หรือจับตัวพริ้วๆให้อัพเป็น +0.8 Pit of Malice Root
การอัพสกิลในเลเวลแรกถ้าเข้าครีปลำบาก สามารถอัพ Firestorm ได้ ถ้าไล่ตีอีกฝ่ายได้ให้อัพ Atrophy Aura มาไล่กดอีกฝ่ายดีกว่า สกิลแรกที่อัพเต็มเป็น Firestorm ตามด้วย Pit of Malice และสุดท้ายเป็น Atrophy Aura
การออกไอเทมจะเน้นไอเทมช่วยทีมหรือ Aura เช่น Guardian Greaves Pipe of Insight Crimson Guard ทำให้ Underlord ตายยากมาก ทีมก็ถึกขึ้นด้วย
Brewmaster
เป็นตัวที่ได้ Talent ใหม่มาแล้วโหดมากอีกตัว การที่ได้ +1500 Health to Primal Spirit Units ไวกว่าเดิม ทำให้เป็นตัวน่าเล่นมาก รวมถึงมี Dispel หมู่ด้วย และ Brewmsater มี Drunken Haze ที่ทำให้ตี Miss สามารถกดดัน Carry ได้โดยไม่ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยง
Talent ใหม่ของ Brewmaster ในเลเวล 10 สามารถอัพอะไรก็ได้ตามสถานการณ์ของเกม เช่นเดียวกับของเลเวล 15 ถ้าเน้นถึกอัพ +200 Health และ +20% Magic Resistance เน้นดาเมจก็อัพอีกฝั่ง
แต่ในเลเวล 20 แนะนำให้อัพ +1500 Health to Primal Split Units คู่กับ Talent เลเวล 25 -65s Primal Spilt Cooldown จะทำให้ Primal Split ได้เกือบตลอดเวลาและตายยากมาก
การอัพสกิลให้อัพ Drunken Haze มาก่อนในเลเวลแรก ใช้มานาน้อยกดดันได้ดี อัพ Thunder Clap เต็มก่อนมาทำดาเมจและฟาร์มได้ไว จากนั้นเป็น Drunken Haze สุดท้ายเป็น Drunken Brawler
การออกไอเทมไม่ต่างเดิมมากมี Blink Dagger เป็นไอเทมหลัก สามารถออก Hand of Midas ต่อมาเร่งเลเวลได้ เพราะรีบเอา Talent ออก Aura ต่างๆเช่น Vladmir’s Offering Radiance ได้ด้วย